วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบแข่งขันสำหรับพนักงานเทศบาล

ประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบแข่งขันสำหรับพนักงานเทศบาล

**********************************

อาศัยอำนาจตามมาตรา 17 (5) ประกอบมาตรา 24 วรรคเจ็ด แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และข้อ 2 แห่งประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือก การบรรจุและแต่งตั้ง การย้าย การโอน การรับโอน การเลื่อนระดับและการเลื่อนขั้นเงินเดือน ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2544 และคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ในการประชุมครั้งที่ 1/2545 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2545 ได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบ แข่งขันสำหรับพนักงานเทศบาล ไว้ดังต่อไปนี้
1. ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนหน่วยราชการ และผู้แทนพนักงานเทศบาล มีจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน ดังนี้
(1) กรณีคณะกรรมการพนักงานเทศบาลเป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน ให้ประธาน กรรมการพนักงานเทศบาลแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพนักงานเทศบาลเป็นประธานกรรมการ
(2) กรณีเทศบาล เป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน ให้นายกเทศมนตรีแต่งตั้ง ปลัดเทศบาลเป็นประธานกรรมการ
(3) กรณีองค์กรอื่นนอกเหนือจาก (1) และ (2) เป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน ให้ประธานกรรมการพนักงานเทศบาลแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพนักงานเทศบาลเป็น ประธานกรรมการ
2. คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันอาจตั้งกรรมการออกข้อสอบ กรรมการ
ประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง หรือเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการสอบแข่งขันได้ตามความจำเป็น
3. ให้คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันกำหนดวัน เวลา สถานที่สอบและระเบียบเกี่ยวกับการสอบได้เท่าที่จำเป็น และไม่ขัดต่อหลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขัน และวิธีการเกี่ยวกับ การสอบแข่งขันนี้ แล้วให้ประธานกรรมการประกาศก่อนวันสอบไม่น้อยกว่า 5 วันทำการ
4. หลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งระดับต่าง ๆ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดแนบท้ายนี้

5. ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันประกาศรับสมัครสอบ โดยระบุรายละเอียดในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
ชื่อตำแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้ง
(2) คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะของผู้มีสิทธิสมัครสอบสำหรับตำแหน่งนั้น
(3) เงินเดือนที่จะได้รับสำหรับตำแหน่งนั้น ตามคุณวุฒิที่ประกาศรับสมัครสอบ
(4) วัน เวลา และสถานที่รับสมัครสอบ
(5) เอกสารและหลักฐานที่ใช้ในการสมัครสอบ
หลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขัน เกณฑ์การตัดสิน การขึ้นบัญชี และ
การยกเลิกบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
เรื่องอื่น ๆ หรือข้อความอื่นที่ผู้สมัครสอบควรทราบ
ประกาศรับสมัครสอบนั้น ให้ปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สถานที่รับสมัครสอบก่อนวันที่เริ่ม รับสมัครสอบ และให้แจ้งคณะกรรมการพนักงานเทศบาลทุกจังหวัดและสำนักงาน ก.ท. หรือ จะประกาศทางวิทยุกระจายเสียงหรือทางอื่นใดตามความเหมาะสมเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกันด้วยก็ได้
6. ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันจัดให้มีเจ้าหน้าที่รับสมัครสอบ โดยให้มีกำหนดเวลา รับสมัครสอบไม่น้อยกว่า 15 วันทำการ
ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นต้องขยายกำหนดเวลารับสมัครสอบแข่งขันตามที่ คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันเสนอแนะ ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันอาจประกาศขยายกำหนดเวลา รับสมัครสอบได้ แต่ทั้งนี้ เวลาที่จะขยายต้องมีเวลาไม่น้อยกว่า 15 วันทำการ นับตั้งแต่วันถัดจาก วันสุดท้ายของการรับสมัครสอบและจะต้องประกาศการขยายเวลานั้นก่อนวันปิดรับสมัครสอบครั้งนั้นด้วย
7. ให้ผู้สมัครสอบเสียค่าธรรมเนียมสอบสำหรับตำแหน่งที่สมัครสอบตามอัตราดังนี้
ตำแหน่งระดับ 1 หรือตำแหน่งระดับ 2 ตำแหน่งละไม่เกิน 100 บาท
ตำแหน่งระดับ 3 ขึ้นไป ตำแหน่งละไม่เกิน 200 บาท
ค่าธรรมเนียมสอบจะไม่จ่ายคืนให้เมื่อได้ประกาศรายชื่อว่าเป็นผู้มีสิทธิเข้าสอบแล้ว เว้นแต่ มีการยกเลิกการสอบครั้งนั้นทั้งหมด เนื่องจากมีการทุจริตหรือส่อไปในทางทุจริตตามข้อ 11 จึงให้จ่ายคืนค่าธรรมเนียมสอบแก่ผู้สมัครสอบเฉพาะผู้ที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือส่อไปในทางทุจริตนั้นได้
8. ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบ ก่อนวันสอบไม่
น้อยกว่า 10 วันทำการ
9. การตัดสินว่าผู้ใดเป็นผู้สอบแข่งขันได้ให้ถือเกณฑ์ว่า ต้องเป็นผู้สอบได้คะแนนในแต่ละภาคที่สอบตามหลักสูตรไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงหลักวิชาการวัดผลด้วย
10. การสอบแข่งขันจะต้องสอบตามหลักสูตรทุกภาคในการสอบแข่งขัน คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันจะกำหนดให้ผู้สมัครสอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไป หรือภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่งก่อน แล้วจึงให้ผู้ที่สอบได้คะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 9 สอบในภาคอื่นต่อไปก็ได้
11. กรณีที่ปรากฏว่ามีการทุจริตหรือส่อไปในทางทุจริตอันอาจทำให้เกิดความ
ไม่เป็นธรรมในการสอบแข่งขัน ให้คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันรายงานให้ผู้ดำเนินการสอบ แข่งขันทราบเพื่อพิจารณาว่าจะสมควรยกเลิกการสอบครั้งนั้นทั้งหมด หรือจะพิจารณายกเลิกการสอบเฉพาะวิชาหรือเฉพาะภาคที่เกิดการทุจริตหรือส่อไปในทางทุจริตตามแต่จะเห็นสมควร ถ้าหากผู้ดำเนิน การสอบแข่งขันให้ยกเลิกการสอบแข่งขันเฉพาะวิชาใดหรือเฉพาะภาคใดแล้ว ก็ให้ดำเนินการสอบ แข่งขันเฉพาะวิชานั้น หรือเฉพาะภาคนั้นใหม่ สำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือส่อไปในทาง ทุจริตไม่มีสิทธิเข้าสอบอีกต่อไป
12. เมื่อได้ดำเนินการสอบแข่งขันเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันรายงานผลการสอบต่อผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน เพื่อผู้ดำเนินการสอบแข่งขันจะได้ประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ต่อไป
13. การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ให้เรียงลำดับที่จากผู้สอบได้คะแนนรวมสูงลง มาตามลำดับ ในกรณีที่มีผู้สอบได้คะแนนรวมเท่ากัน ให้ผู้สอบได้คะแนนภาคความเหมาะสมกับตำแหน่งมากกว่าเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ถ้าได้คะแนนภาคความเหมาะสมกับตำแหน่งเท่ากัน ให้ผู้ได้คะแนนภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่งมากกว่าเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ถ้าได้คะแนนภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่งเท่ากัน ให้ผู้ได้คะแนนภาษาไทยในภาคความรู้ความสามารถทั่วไปมากกว่าเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ถ้ายังคงได้คะแนนเท่ากันอีก ก็ให้ผู้ได้รับเลขประจำตัวสอบก่อนเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า
14. กรณีมีความประสงค์จะขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ให้ระบุระยะเวลาในการขึ้นบัญชี ผู้สอบแข่งขันได้ในประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน และในประกาศผลการสอบแข่งขัน โดยมีเงื่อนไขให้ระบุระยะเวลาการขอใช้บัญชีได้ไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันขึ้นบัญชี กรณียังใช้บัญชีไม่ครบตามที่ระบุระยะเวลา ในประกาศ แต่ประสงค์จะสอบแข่งขันตำแหน่งเดียวกันนั้นอีก ต้องเสนอเหตุผลความจำเป็นให้คณะกรรมการพนักงานเทศบาลพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน หากคณะกรรมการพนักงานเทศบาลพิจารณาเห็นชอบ และเมื่อได้ขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ใหม่แล้ว บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ครั้งก่อนเป็นอันยกเลิก
กรณีบัญชีสอบแข่งขันครบกำหนดระยะเวลาตามที่ระบุให้ถือว่าบัญชีนั้นถูก
ยกเลิก กรณีที่ได้มีการเรียกตัวผู้สอบแข่งขันได้ผู้ใดให้มารายงานตัวเพื่อรับการบรรจุไปแล้วก่อนบัญชีผู้สอบแข่งขันได้จะมีอายุครบกำหนดระยะเวลาที่ระบุ และต่อมาบัญชีได้ครบระยะเวลาตามที่ระบุหรือก่อนมีการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ใหม่ให้ถือว่าผู้นั้นยังมีสิทธิได้รับการบรรจุแต่งตั้ง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่บัญชีผู้สอบแข่งขันได้นั้นมีอายุครบตามระยะเวลาที่กำหนดหรือวันที่มีการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ใหม่แล้วแต่กรณี
15. ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน เป็นเจ้าของบัญชีสอบแข่งขันที่ได้ดำเนินการและมีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้เทศบาลอื่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น หรือส่วนราชการอื่น ที่มีความประสงค์จะขอใช้บัญชีสอบแข่งขันดังกล่าว เพื่อแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ให้ดำรงตำแหน่งสายงานเดียวกันในส่วนราชการนั้น โดยให้เรียกบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ที่สอบแข่งขันได้ตามบัญชีการสอบนั้น
กรณีที่คณะกรรมการพนักงานเทศบาลหรือเทศบาลภายในจังหวัดหรือองค์กรอื่นใดที่ คณะกรรมการพนักงานเทศบาลมอบให้ดำเนินการแล้วแต่กรณีเป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน หากเทศบาลภายในจังหวัดนั้น มีตำแหน่งว่างและประสงค์จะขอใช้บัญชีเพื่อบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้แทนตำแหน่งที่ว่างให้ขอใช้บัญชีที่คณะกรรมการพนักงานเทศบาลหรือเทศบาลภายในจังหวัดหรือองค์กรอื่นใดที่ คณะกรรมการพนักงานเทศบาลมอบให้ดำเนินการนั้นก่อนขอใช้บัญชีจากคณะกรรมการพนักงานเทศบาล หรือเทศบาลหรือองค์กรอื่นที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการสอบในจังหวัดอื่น
กรณีผู้ใดได้ขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ถ้ามีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้เป็นอันยกเลิกการขึ้นบัญชีผู้นั้นไว้ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ คือ
(1) ผู้นั้นได้ขอสละสิทธิรับการบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่สอบได้
(2) ผู้นั้นไม่มารายงานตัวเพื่อรับการบรรจุเข้ารับราชการภายในเวลาที่ผู้ดำเนิน การสอบแข่งขัน หรือผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งกำหนด โดยมีหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนแจ้งให้ทราบกำหนดเวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 10 วัน นับตั้งแต่วันที่ที่ทำการไปรษณีย์รับลงทะเบียน
(3) ผู้นั้นมีเหตุไม่อาจเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ตามกำหนดเวลาที่จะบรรจุและ แต่งตั้งในตำแหน่งที่สอบได้
ผู้นั้นประสงค์จะรับการบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่สอบแข่งขันได้โดยการโอนแต่ส่วนราชการที่จะบรรจุไม่รับโอน และได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้วว่าจะไม่รับโอน ผู้นั้นจึงไม่ประสงค์จะรับการบรรจุ
ผู้นั้นได้รับการบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่สอบได้ไปแล้ว ให้ยกเลิกการขึ้นบัญชีผู้นั้นไว้ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ทุกบัญชีในการสอบครั้งเดียวกัน
17. ผู้ใดถูกยกเลิกการขึ้นบัญชีผู้นั้นไว้ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้บัญชีใดไปแล้ว ถ้าบัญชีนั้นยังไม่ยกเลิก และผู้ดำเนินการสอบ พิจารณาเห็นว่ามีเหตุอันสมควรจะอนุมัติให้ขึ้นบัญชีผู้นั้นไว้ในบัญชีเดิมเป็นลำดับแรกที่จะบรรจุในครั้งต่อไปตามเดิมก็ได้ สำหรับผู้ซึ่งถูกยกเลิกการขึ้นบัญชี เนื่องจากไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร เมื่อออกจากราชการทหาร โดยไม่มีความเสียหาย และประสงค์จะเข้ารับราชการในตำแหน่งที่สอบได้ และบัญชีผู้สอบแข่งขัน ได้นั้นยังไม่ยกเลิกให้ขึ้นบัญชีผู้นั้นไว้ในบัญชีเดิมเป็นลำดับแรกที่จะบรรจุในครั้งต่อไป
18. การดำเนินการสอบแข่งขันผู้ดำเนินการสอบแข่งขันดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ส่งสำเนาคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขัน 1 ชุด และสำเนา ประกาศรับสมัครสอบ 2 ชุด ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลก่อนเริ่มรับสมัครสอบไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ
(2) เมื่อการสอบเสร็จสิ้น ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขัน ส่งสำเนาบัญชีผู้สอบแข่งขันได้จำนวน 1ชุด ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลภายใน 5 วันทำการ นับแต่วันประกาศผลสอบ
เมื่อมีการยกเลิกการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ หรือขึ้นบัญชีไว้ตามเดิมให้ รายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลภายใน 7 วันทำการ นับแต่วัน ยกเลิกหรือขึ้นบัญชีนั้น
หากมีการเปลี่ยนแปลงในการประกาศรับสมัครสอบประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบ กำหนดวัน เวลา และสถานที่สอบ ประกาศผลสอบและอื่น ๆ นอกจากที่กำหนดไว้เดิมให้ รายงานสำนักงานคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลภายใน 3 วัน
19. กรณีเทศบาลหรือคณะกรรมการพนักงานเทศบาลไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งใดอาจบรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้โดยขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของกระทรวง ทบวง กรม ในตำแหน่งเดียวกับตำแหน่งที่จะบรรจุเข้ารับราชการได้

ประกาศ ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545



ประชา มาลีนนท์
(นายประชา มาลีนนท์)
รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ประธานกรรมการกลางพนักงานเทศบาล




หลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ
ในตำแหน่งระดับ 1 และระดับ 2

ก. ภาคความรู้ความสามารถทั่วไป
ให้ทดสอบความรู้ความสามารถดังต่อไปนี้โดยวิธีสอบข้อเขียน โดยคำนึงถึงระดับความรู้ความสามารถที่ต้องการของตำแหน่ง ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานกำหนดตำแหน่งในแต่ละระดับด้วย
วิชาความสามารถทั่วไป
ให้ทดสอบความสามารถในการคิดและหาเหตุผลโดยใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจหรือทางสังคม หรือทางอื่นใดที่เหมาะสมแก่การทดสอบความสามารถดังกล่าว ทางหนึ่ง หรือหลายทาง ก็ได้ ทั้งนี้ เมื่อจะใช้ข้อมูลทางใดทดสอบความสามารถในการคิดหาเหตุผล ให้ระบุไว้ในประกาศรับสมัครสอบด้วย กำหนดคะแนนเต็ม 100 คะแนน
วิชาภาษาไทย
ให้ทดสอบความรู้ความสามารถในการใช้ภาษา โดยการให้สรุปความ และหรือตีความ จากข้อความสั้น ๆ หรือบทความ และให้พิจารณาเลือกใช้ภาษาในรูปแบบต่าง ๆ จาก คำ หรือกลุ่มคำ ประโยคหรือข้อความสั้น ๆ หรือให้ทดสอบโดยการอย่างอื่นที่เหมาะสมกับการทดสอบความรู้ความสามารถดังกล่าว กำหนดคะแนนเต็ม 100 คะแนน
ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง
ให้ทดสอบความรู้ความสามารถในทางที่จะใช้ในการปฏิบัติงานในหน้าที่โดยเฉพาะตามที่ระบุไว้ในมาตรฐานกำหนดตำแหน่งโดยวิธีสอบข้อเขียน หรือวิธีสอบปฏิบัติ หรือวิธีอื่นใด วิธีหนึ่งหรือหลายวิธีก็ได้ตามความเหมาะสม กำหนดคะแนนเต็ม 200 คะแนน ทั้งนี้ จะรวมสอบเป็นวิชาเดียวหรืออย่างเดียว หรือแยกสอบเป็นสองวิชาหรือสองอย่าง โดยกำหนดคะแนนเต็มวิชาละ หรืออย่างละคะแนน หรือวิชาหนึ่งหรืออย่างหนึ่ง 150 คะแนน และอีกวิชาหนึ่งหรืออย่างหนึ่ง 50 คะแนน ก็ได้เมื่อจะทดสอบความรู้ความสามารถในทางใดและโดยวิธีใด ให้ระบุไว้ในประกาศรับสมัครสอบด้วย
ค. ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง
ให้ประเมินบุคคลเพื่อพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่จากประวัติส่วนตัว ประวัติ การศึกษา ประวัติการทำงาน และพฤติกรรมที่ปรากฏทางอื่นของผู้เข้าสอบ และจากการสัมภาษณ์ ทั้งนี้ อาจใช้วิธีการอื่นใดเพิ่มเติมอีกก็ได้ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้ที่อาจใช้ เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานในหน้าที่และความรู้ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ความสามารถ ประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติ จริยธรรมและคุณธรรม การปรับตัว เข้ากับผู้ร่วมงาน รวมทั้งสังคม และสิ่งแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณไหวพริบและ บุคลิกภาพอย่างอื่นเป็นต้น กำหนดคะแนนเต็ม 100 คะแนน

ตำแหน่งหลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ
ในตำแหน่งระดับ 3 ขึ้นไป

ภาคความรู้ความสามารถทั่วไป
ให้ทดสอบความรู้ความสามารถดังต่อไปนี้โดยวิธีสอบข้อเขียน โดยคำนึงถึงระดับความรู้ความสามารถที่ต้องการของตำแหน่ง ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานกำหนดตำแหน่งในแต่ละระดับด้วย
1. วิชาความสามารถในการศึกษา วิเคราะห์และสรุปเหตุผล
ให้ทดสอบความสามารถในการศึกษา วิเคราะห์และสรุปเหตุผล โดยการให้สรุปความหรือให้จับประเด็นในข้อความหรือเรื่องราว หรือให้วิเคราะห์เหตุการณ์หรือสรุปเหตุผลทางการเมือง เศรษฐกิจหรือสังคม หรือให้หาแนวโน้มหรือความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเป็นไปตามข้อมูล หรือสมมติฐาน หรือให้ศึกษาวิเคราะห์และสรุปเหตุผลโดยการอย่างอื่น ซึ่งเหมาะสมแก่การทดสอบความสามารถดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างก็ได้ กำหนดคะแนนเต็ม 100 คะแนน
2. วิชาภาษาไทย
ให้ทดสอบความรู้และความสามารถในการใช้ภาษา โดยการให้สรุปความและหรือตีความ จากข้อความสั้น ๆ หรือบทความ และให้พิจารณาเลือกใช้ภาษาในรูปแบบต่าง ๆ จากคำ หรือกลุ่มคำ ประโยคหรือข้อความสั้น ๆ หรือให้ทดสอบโดยการอย่างอื่นที่เหมาะสมกับการทดสอบความรู้ความสามารถดังกล่าว กำหนดคะแนนเต็ม 100 คะแนน
ข. ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง
ให้ทดสอบความรู้ความสามารถที่ใช้ในการปฏิบัติงานในหน้าที่โดยเฉพาะตามที่ระบุไว้ในมาตรฐานกำหนดตำแหน่งโดยวิธีสอบข้อเขียน หรือวิธีสอบปฏิบัติ หรือวิธีอื่นใด วิธีหนึ่ง หรือหลายวิธีก็ได้ตามความเหมาะสม กำหนดคะแนนเต็ม 200 คะแนน ทั้งนี้ จะรวมสอบเป็นวิชาเดียวหรืออย่างเดียวหรือแยกสอบเป็นสองวิชาหรือสองอย่าง โดยกำหนดคะแนนเต็มวิชาละ หรืออย่างละ 100 คะแนน หรือวิชาหนึ่งหรืออย่างหนึ่ง 150 คะแนน และอีกวิชาหนึ่งหรืออย่างหนึ่ง 50 คะแนน ก็ได้ เมื่อจะทดสอบความรู้ความสามารถในทางใดและโดยวิธีใด ให้ระบุไว้ในประกาศรับสมัครสอบด้วย
ค. ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง
ให้ประเมินบุคคลเพื่อพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่จากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน และพฤติกรรมที่ปรากฏทางอื่นของผู้เข้าสอบ และจากการสัมภาษณ์ ทั้งนี้ อาจใช้วิธีการอื่นใดเพิ่มเติมอีกก็ได้ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้อาจใช้เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานในหน้าที่และความรู้ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ความสามารถ ประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติ จริยธรรมและคุณธรรม ปฏิภาณไหวพริบและบุคลิกภาพอย่างอื่นเป็นต้น กำหนดคะแนนเต็ม 100 คะแนน

หมายเหตุ
ข้อ 19 เพิ่มตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นพนักงานเทศบาล (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 ลงวันที่ 25 เมษายน 2550
* ยกเลิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น