วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการให้ออกจากราชการ

ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล
เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการให้ออกจากราชการ
________________________________________
ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความ เป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลตามความต้องการและความเหมาะสมของท้องถิ่น ประกอบกับ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 บัญญัติให้คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล กำหนดมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการให้ออกจากราชการ ให้เหมาะสมกับลักษณะ การบริหารและอำนาจหน้าที่ของเทศบาล และจะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานกลางเกี่ยวกับการบริหาร งานบุคคลที่คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นกำหนด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 (7 ) ประกอบมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และมติคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลในการประชุม ครั้งที่ 5/2544 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2544 ให้ประกาศมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการ ให้ออกจากราชการ ไว้ดังต่อไปนี้

หมวด 1
การออกจากราชการ
________________________________________
ข้อ 1 พนักงานเทศบาลออกจากราชการเมื่อ
(1) ตาย
(2) พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น
(3) ลาออกจากราชการและได้รับอนุญาตให้ลาออกหรือการลาออกมีผลตามข้อ 2
(4) ถูกสั่งให้ออกจากราชการตามข้อ 25 ของมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการ
รักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัยหรือข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 10 ของมาตรฐานทั่วไปนี้
หรือเนื่องจากไม่ผ่านการ ทดลองปฏิบัติราชการหรือขาดคุณสมบัติทั่วไป หรือคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งโดยไม่ได้รับการยกเว้นตามมาตรฐานทั่วไป เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับพนักงานเทศบาล
(5) ถูกสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออก
การออกจากราชการตามวรรค หนึ่งให้ทำเป็นคำสั่ง เว้นแต่การตายและการพ้นจากตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญเหตุสูงอายุ กรณีผู้มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์
การออกคำสั่งเกี่ยวกับการออกจากราชการตามวรรคสอง ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพนักงานเทศบาลก่อน เว้นแต่คำสั่งให้ออกจากราชการตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง
วันออกจากราชการตาม (4) และ (5) ให้เป็นไปตามที่กำหนดในหมวด 4
การต่อเวลาราชการให้พนักงาน เทศบาลที่ต้องออกจากราชการตาม (2) รับราชการต่อไป จะกระทำมิได้
ข้อ 2 พนักงานเทศบาลผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการ ให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อนายกเทศมนตรี เพื่อให้นายกเทศมนตรีเป็นผู้ออกคำสั่งให้ลาออกจากราชการ ทั้งนี้ การออกคำสั่ง ให้ลาออกจากราชการต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพนักงานเทศบาลก่อน
ในกรณีที่นายกเทศมนตรีพิจารณา เห็นว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการจะยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกไว้เป็นเวลา ไม่เกินเก้าสิบวันนับตั้งแต่วันขอลาออกก็ได้ แต่ต้องแจ้งการยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกพร้อมทั้งเหตุผลให้ผู้ขอลาออกทราบ และให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดเวลาที่ยับยั้ง
ถ้านายกเทศมนตรีไม่ดำเนินการตาม วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้การลาออกนั้นมีผลตั้งแต่วันขอลาออก
ภายใต้บังคับวรรคหนึ่ง ในกรณีที่พนักงานเทศบาลผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่งทางการ เมือง หรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือ ผู้บริหารท้องถิ่นให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อนายกเทศมนตรี และให้การลาออกมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้นั้นขอลาออก
การพิจารณาอนุญาตให้ลาออกและการ ยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกจากราชการให้เป็นไปตามที่กำหนดในหมวด 3 ของมาตรฐานทั่วไปนี้
ข้อ 3 นายกเทศมนตรีมีอำนาจสั่งให้พนักงานเทศบาลออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญ ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นได้ในกรณีที่กฎหมายดัง กล่าวบัญญัติให้ผู้ถูกสั่งให้ออกมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญ และการสั่งให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทน นอกจากให้ทำได้ในกรณีที่กำหนดไว้ในมาตรฐานทั่วไปนี้ และกรณีที่กฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นบัญญัติให้ผู้ถูก สั่งให้ออกมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนแล้ว นายกเทศมนตรีจะเสนอคณะกรรมการพนักงานเทศบาลเพื่อส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการ พิจารณาการดำเนินการทางวินัยและการให้ออกจากราชการตามข้อ 68 ของมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย ทำความเห็นเสนอคณะกรรมการพนักงานเทศบาลพิจารณาให้ความเห็นชอบให้นายก เทศมนตรีออกคำสั่งให้พนักงานเทศบาลออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทด แทนได้ในกรณีต่อไปนี้ด้วย คือ
(1) เมื่อพนักงานเทศบาลผู้ใดเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดย
สม่ำเสมอ และนายกเทศมนตรีเห็นสมควรให้ออกจากราชการ
(2) เมื่อพนักงานเทศบาลผู้ใดสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทาง
ราชการ
(3) เมื่อพนักงานเทศบาลผู้ใดไม่มีสัญชาติไทย ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดในมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม เบื้องต้นสำหรับพนักงานเทศบาล เป็นกรรมการพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง เป็นบุคคลล้มละลาย
(4) เมื่อพนักงานเทศบาลผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้ ไม่
เลื่อมใสการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ และนายกเทศมนตรีเห็นว่ากรณีมีมูล ก็ให้นายกเทศมนตรีสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยไม่ชักช้า และให้นำข้อ 4 ของมาตรฐานทั่วไปนี้ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในกรณีที่คณะกรรมการพนักงานเทศบาล มีมติเห็นชอบดังกล่าวแล้ว ก็ให้นายกเทศมนตรีสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ
(5) เมื่อพนักงานเทศบาลผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คณะกรรมการพนักงานเทศบาลกำหนด ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พอใจของทางราชการได้
ข้อ 4 พนักงานเทศบาลผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหา หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการ บกพร่องในหน้าที่ราชการหรือประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง
หน้าที่ราชการ และนายกเทศมนตรีเห็นว่ากรณีมีมูล ถ้าให้ผู้นั้นรับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ ก็ให้นายกเทศมนตรีสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยไม่ชักช้า ในการสอบสวนนี้จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าว หาเท่าที่มีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยจะระบุหรือไม่ระบุชื่อพยานก็ได้และต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำ สืบแก้ข้อกล่าวหาได้ด้วย ทั้งนี้ ให้นำข้อ 22 วรรคห้าและวรรคหก ข้อ 23 และข้อ 68 ของมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย มาใช้บังคับโดยอนุโลม เมื่อคณะกรรมการพนักงานเทศบาลมีมติเป็นประการใด ก็ให้นายกเทศมนตรีสั่งหรือปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น
ในกรณีที่คณะกรรมการพนักงาน เทศบาลมีมติเห็นชอบให้ผู้นั้นออกจากราชการ ก็ให้นายกเทศมนตรีสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทน ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น
การสอบสวนพิจารณา ให้เป็นไปตามที่กำหนดในหมวด 4 ของมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย
ในกรณีตามวรรคหนึ่ง หากเป็นกรณีการกระทำที่ปรากฏชัดแจ้งตามหมวด 3 ของมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย จะดำเนินการโดยไม่สอบสวนก็ได้
ข้อ 5 พนักงานเทศบาลผู้ใดมีกรณีถูกแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามข้อ 22 ของ มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย และคณะกรรมการสอบสวน หรือนายกเทศมนตรีเห็นว่ากรณีมีเหตุอันควรสงสัยอย่างยิ่งว่าผู้นั้นได้กระทำ ผิดวินัยอย่างร้ายแรง แต่การสอบสวนไม่ได้ความแน่ชัดพอที่จะฟังลงโทษตามข้อ 68 ของมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย ถ้าให้รับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ ก็ให้นายกเทศมนตรีเสนอคณะกรรมการพนักงานเทศบาลเพื่อส่งเรื่องให้คณะอนุกรรม การพิจารณาการดำเนินการทางวินัยและการให้ออกจากราชการ ตามข้อ 68 วรรคสี่ ของมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัยทำความเห็นเสนอ และเมื่อคณะกรรมการพนักงานเทศบาลมีมติเป็นประการใด ให้นายกเทศมนตรีสั่งหรือปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น
ในกรณีคณะกรรมการพนักงานเทศบาลมี มติให้ผู้นั้นออกจากราชการเพราะมีมลทิน หรือ มัวหมองในกรณีที่ถูกสอบสวนให้นายกเทศมนตรีสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการเพื่อ รับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้อง ถิ่น
ข้อ 6 เมื่อพนักงานเทศบาลผู้ใดต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งของศาล หรือต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดที่ได้กระทำโดย ประมาทหรือความผิดลหุโทษ ซึ่งยังไม่ ถึงกับจะต้องถูกลงโทษปลดออก หรือไล่ออก นายกเทศมนตรีจะสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตาม กฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นก็ได้
ข้อ 7 เมื่อพนักงานเทศบาลผู้ใดไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ให้นายกเทศมนตรีสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ
ผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการตาม วรรคหนึ่ง และต่อมาปรากฏว่าผู้นั้นมีกรณีที่จะต้องถูกสั่งให้ออกจากราชการตามข้ออื่น อยู่ก่อนไปรับราชการทหาร ก็ให้นายกเทศมนตรีเสนอคณะกรรมการพนักงานเทศบาลเพื่อพิจารณามีมติให้นายก เทศมนตรีเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกตามวรรคหนึ่งเป็นให้ออกจากราชการตามข้ออื่น นั้นได้
ข้อ 8 ในกรณีที่นายกเทศมนตรีเห็นว่าสมควรที่จะต้องสั่งให้ผู้ถูกสั่งให้ออก จากราชการตามข้อ 3 (4) หรือข้อ 4 กลับเข้ารับราชการให้นำข้อ 25 ของมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย มาใช้บังคับโดยอนุโลม
เมื่อนายกเทศมนตรีดำเนินการตาม วรรคหนึ่งแล้วให้รายงานคณะกรรมการพนักงานเทศบาลเพื่อทราบ
ข้อ 9 เมื่อนายกเทศมนตรีเห็นสมควรให้พนักงานเทศบาลออกจากราชการในเรื่องใด ถ้าคณะกรรมการพนักงานเทศบาลพิจารณาเห็นเป็นการสมควรที่จะต้องสอบสวนใหม่หรือ สอบสวน เพิ่มเติมเพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรม หรือเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลให้เทศบาลปฏิบัติการตามมาตรฐานทั่วไปนี้ หรือมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับ พนักงานเทศบาลกรณีการให้ออกจากราชการเนื่องจากมีผลการประเมินต่ำกว่ามาตรฐาน ที่กำหนด หรือขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งโดยไม่ได้รับการยกเว้น โดยถูกต้องและเหมาะสมตามความเป็นธรรม ก็ให้คณะกรรมการพนักงานเทศบาลกำหนดประเด็นหรือข้อสำคัญไปให้นายกเทศมนตรี เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนเดิมทำการสอบสวนใหม่หรือสอบสวนเพิ่มเติมได้
ข้อ 10 พนักงานเทศบาลซึ่งโอนมาจากพนักงานส่วนท้องถิ่นอื่นหรือข้าราชการตามกฎหมาย อื่นผู้ใดมีกรณีที่สมควรให้ออกจากงานหรือออกจากราชการตามกฎหมายว่าด้วย ระเบียบพนักงานส่วนท้องถิ่นอื่น หรือข้าราชการตามกฎหมายอื่นนั้นอยู่ก่อนวันโอนมาบรรจุ ให้นายกเทศมนตรีมีอำนาจ
พิจารณาดำเนินการตามมาตรฐานทั่ว ไปนี้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนหรือสอบสวน
ของผู้บังคับบัญชาเดิมก่อนวันโอน ก็ให้สืบสวนหรือสอบสวนต่อไปจนเสร็จ แล้วส่งเรื่องให้
นายกเทศมนตรีที่ผู้นั้นสังกัด อยู่พิจารณาดำเนินการต่อไปตามมาตรฐานทั่วไปนี้โดยอนุโลม และในกรณีที่จะต้องสั่งให้ออกจากราชการ ให้ปรับบทกรณีให้ออกตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบพนักงานส่วนท้องถิ่นอื่น หรือข้าราชการตามกฎหมายอื่นนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น