วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคล เป็นพนักงานเทศบาล พ.ศ. ๒๕๕๕


ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล
เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคล
เป็นพนักงานเทศบาล พ.ศ. ๒๕๕๕

                โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานเทศบาล พ.ศ.๒๕๕๕ เพื่อให้การสรรหาบุคคลเป็นพนักงานเทศบาล เป็นไปอย่างคุ้มค่าและสามารถบรรจุแต่งตั้งในอัตราว่างได้อย่างรวดเร็วเหมาะสมภายใต้ระบบคุณธรรมและมาตรฐานเดียวกัน
                อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗(๕) และมาตรา ๒๔ วรรคเจ็ด แห่งพระราชบัญญัติบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๔๒ คณะกรรมการพนักงานเทศบาล (ก.ท.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ได้มีมติกำหนดหลักเกณฑ์การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานเทศบาลดังต่อไปนี้
                ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานเทศบาล พ.ศ. ๒๕๕๕
                ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
                ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกรรมการกลางพนักงานเทศบาลดังต่อไปนี้
                                ๓.๑ ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานเทศบาล พ.ศ.๒๕๔๙ ลงวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๔๙
                                ๓.๒ ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานเทศบาล แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๐  ลงวันที่  ๒๕ เมษายน ๒๕๕๐
                                ๓.๓ ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานเทศบาล แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๕๑  ลงวันที่  ๒๘ เมษายน ๒๕๕๑
                                ๓.๔ ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานเทศบาล แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑  ลงวันที่  ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๑
                ข้อ ๔ เมื่อเทศบาลมีตำแหน่งว่างตามแผนอัตรากำลัง ๓ ปี อาจสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งที่ว่างอยู่โดยวิธีการจัดสอบแข่งขันหรือร้องขอให้คณะกรรมการการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.)ดำเนินการสอบแข่งขันแทน เพื่อขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้สำหรับการบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งที่ว่างต่อไป
                ในกรณีเทศบาลเป็นหน่วยดำเนินการสอบแข่งขัน ให้เทศบาลเป็นเจ้าของบัญชี
                ในกรณีคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยดำเนินการสอบแข่งขัน ให้จังหวัดที่เป็นศูนย์อำนวยการสอบแข่งขันในแต่ละภาค/เขตเป็นเจ้าของบัญชีผู้สอบแข่งได้สำหรับการแบ่งภาค/เขตในการสอบแข่งขันให้เป็นไปตามประกาศกำหนด
                ข้อ ๕ บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) ประกอบด้วยจังหวัดในกลุ่มภาค/เขต ดังนี้
                                ๕.๑ ภาคกลางเขต ๑ ได้แก่จังหวัด ชัยนาท ๒.จังหวัดนนทบุรี ๓.จังหวัดปทุมธานี ๔.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๕.จังหวัดลพบุรี ๖.จังหวัดสระบุรี ๗.จังหวัดสิงห์บุรี ๘.จังหวัดอ่างทอง
                                ๕.๒ ภาคกลางเขต ๒ ได้แก่ ๑.จังหวัดจันทบุรี ๒.จังหวัดฉะเชิงเทรา ๓.จังหวัดชลบุรี ๔.จังหวัดตราด ๕.จังหวัดนครนายก ๖.จังหวัดปราจีนบุรี ๗.จังหวัดระยอง ๘.จังหวัดสมุทรปราการ ๙.จังหวัดสระแก้ว
                                ๕.๓ ภาคกลางเขต ๓ ได้แก่ ๑.จังหวัดกาญจนบุรี ๒.จังหวัดนครปฐม ๓.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๔.จังหวัดเพชรบุรี ๕.จังหวัดราชบุรี ๖.จังหวัดสมุทรสงคราม ๗.จังหวัดสมุทรสาคร ๘.จังหวัดสุพรรณบุรี
                                ๕.๔ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต ๑ ได้แก่ ๑.จังหวัดกาฬสินธุ์ ๒.จังหวัดขอนแก่น ๓.จังหวัดชัยภูมิ ๔.จังหวัดนครราชสีมา ๕.จังหวัดบุรีรัมย์ ๖.จังหวัดมหาสารคาม
                                ๕.๕ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต ๒ ได้แก่ ๑.จังหวัดมุกดาหาร ๒.จังหวัดยโสธร ๓.จังหวัดร้อยเอ็ด ๔.จังหวัดศรีสะเกษ ๕.จังหวัดสุรินทร์ ๖.จังหวัดอำนาจเจริญ ๗.จังหวัดอุบลราชธานี
                                ๕.๖ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต ๓ ได้แก่ ๑.จังหวัดนครพนม ๒.จังหวัดบึงกาฬ ๓.จังหวัดเลย ๔.จังหวัดสกลนคร ๕.จังหวัดหนองคาย ๖.จังหวัดหนองบัวลำภู ๗.จังหวัดอุดรธานี
                                ๕.๗ ภาคเหนือเขต ๑ ได้แก่ ๑.จังหวัดชียงราย ๒.จังหวัดเชียงใหม่ ๓.จังหวัดน่าน ๔.จังหวัดพะเยา ๕.จังหวัดแพร่ ๖.จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๗.จังหวัดลำปาง ๘.จังหวัดลำพูน
                                ๕.๘ ภาคเหนือเขต ๒ ได้แก่ ๑.จังหวัดกำแพงเพชร ๒.จังหวัดตาก ๓.จังหวัดนครสวรรค์ ๔.จังหวัดพิจิตร ๕.จังหวัดพิษณุโลก ๖.จังหวัดเพชรบูรณ์ ๗.จังหวัดสุโขทัย ๘.จังหวัดอุตรดิตถ์ ๙.จังหวัดอุทัยธานี
                                ๕.๙ ภาคใต้ เขต ๑ ได้แก่ ๑.จังหวัดกระบี่ ๒.จังหวัดชุมพร ๓.จังหวัดนครศรีธรรมราช ๔.จังหวัดพังงา ๕.จังหวัดภูเก็ต ๖.จังหวัดระนอง ๗.จังหวัดสุราษฎร์ธานี
                                ๕.๑๐ ภาคใต้ เขต ๒ ได้แก่ ๑.จังหวัดตรัง ๒.จังหวัดนราธิวาส ๓.จังหวัดปัตตานี ๔.จังหวัดพัทลุง ๕.จังหวัดยะลา ๖.จังหวัดสงขลา ๗.จังหวัดสตูล
                ข้อ ๖ การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบแข่งขัน
                                ๖.๑ กรณีเทศบาลดำเนินการสอบแข่งขันให้มีคณะกรรมการประกอบด้วย นายกเทศมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานและกรรมการจำนวน ๖ คน โดยให้นายกเทศมนตรีเสนอรายชื่อให้คณะกรรมการพนักงานเทศบาล (ก.ท.จ.) ให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ให้มีผู้แทนจาก ก.ท.จ. อย่างน้อย ๑ คนเป็นกรรมการ  และให้มีหน่วยงานกลางที่ ก.ท.จ.คัดเลือก จากสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานของรัฐที่เห็นสมควรเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบแข่งขัน ทำหน้าที่ผลิตข้อสอบ ตรวจข้อสอบและประมวลผลคะแนนหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้อง
                                คณะกรรมการสอบแข่งขันมีหน้าที่อำนวยการสอบและดำเนินการสอบแข่งขันให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และกำหนดวัน เวลา และสถานที่สอบ ตลอดจนระเบียบการสอบได้เท่าที่จำเป็นโดยไม่ขัดต่อหลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขันและวิธีการเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน ตลอดจนกำกับดูแลหน่วยงานกลางที่ ก.ท.จ.คัดเลือกดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
                                ๖.๒ กรณีเทศบาลมอบหมายให้คณะกรรมการกลางสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) ดำเนินการสอบแข่งขันแทน ให้ กสถ. ประกอบด้วย
                                (๑) ผู้แทน ก.จ. ที่ ก.จ.คัดเลือกจากผู้แทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้แทนปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด และผู้ทรงคุณวุฒิฝ่ายละ ๑  คน
                                (๒) ผู้แทน ก.ท. ที่ ก.ท.คัดเลือกจากผู้แทนนายกเทศมนตรี ผู้แทนปลัดเทศบาล และผู้ทรงคุณวุฒิฝ่ายละ ๑ คน
                                (๓) ผู้แทน ก.อบต. ที่ ก.อบต.คัดเลือกจากผู้แทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้แทนปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้ทรงคุณวุฒิ ฝ่ายละ ๑ คน
                                (๔) เลขาธิการ ก.พ.หรือผู้แทน
                                (๕) อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
                                (๖) อธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบการสอบแข่งขัน
                                (๗) ให้รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมอบหมายเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกลางสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น และให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแต่งตั้งข้าราชการที่มีตำแหน่งไม่ต่ำกว่าประเภทอำนวยการระดับต้น หรือตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
                                กรรมการตาม (๖) ให้คณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด คณะกรรมการพนักงานเทศบาล และคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล คัดเลือกมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีความเหมาะสมเป็นผู้รับผิดชอบการสอบแข่งขัน และให้อธิการบดีหรือผู้แทนของมหาวิทยาลัยของรัฐที่ได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินการจัดการสอบแข่งขันเป็นกรรมการ โดยที่มหาวิทยาลัยที่ได้รับการคัดเลือกนั้น มีหน้าที่ผลิตข้อสอบ การตรวจข้อสอบ ประมวลผลคะแนนสอบ หรืองานอื่นที่ กสถ.มอบหมาย
                                ในการคัดเลือกประธานคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่นให้กรรมการตาม (๑) – (๗) ประชุมกันเพื่อคัดเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน
                                คณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
                                ๑.กำหนดระเบียบขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในกระบวนการบริหารจัดการสอบแข่งขันเพื่อให้จังหวัดที่ได้รับมอบหมายเป็นศูนย์อำนวยการสอบแข่งขันในแต่ละภาค/เขต และมหาวิทยาลัยที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้รับผิดชอบการสอบแข่งขัน ถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
                                ๒.ดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อรับบุคคลเข้ารับราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
                                ๓.ประกาศผลสอบแข่งขันโดยแยกเป็นบัญชีภาค/เขต
                                ๔.พิจารณาคัดเลือกจังหวัดในแต่ละภาค/เขตเป็นศูนย์อำนวยการสอบแข่งขัน และอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกตามสมควร
                                ๕.รายงานผลการสอบแข่งขันให้ ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต.ทราบ อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง
                                ๖.เรื่องอื่นๆตามที่คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นมอบหมาย
                ข้อ ๗ หลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งระดับต่างๆให้มีรายละเอียด ดังนี้
                                ๗.๑ ภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) กำหนดคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน
                                ให้ทดสอบโดยข้อสอบปรนัย โดยให้คำนึงถึงระดับความรู้ความสามารถที่ต้องการตามระดับตำแหน่งดังนี้
                                (๑) วิชาสามารถในการศึกษา วิเคราะห์และสรุปเหตุผล กำหนดคะแนนเต็ม ๒๕ คะแนน
                                ให้ทดสอบความสามารถในการศึกษา วิเคราะห์และสรุปเหตุผล โดยการให้สรุปความหรือจับประเด็นในข้อความหรือเรื่องราว หรือให้วิเคราะห์เหตุการณ์หรือสรุปเหตุผลทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม หรือให้หาแนวโน้มหรือความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเป็นไปตามข้อมูลหรือสมมุติฐาน หรือให้ศึกษาวิเคราะห์และสรุปเหตุผลอย่างอื่นซึ่งจะทดสอบความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างก็ได้
                                (๒) วิชาภาษาไทย กำหนดคะแนนเต็ม ๒๕ คะแนน
                                ให้ทดสอบความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาไทย โดยการให้สรุปความและหรือตีความจากข้อความสั้นๆ หรือบทความและให้พิจารณาเลือกใช้ภาษาในรูปแบบต่างๆจากคำหรือกลุ่มคำประโยคหรือข้อความสั้นๆหรือทดสอบโดยการอย่างอื่นที่เหมาะสมกับการทดสอบความรู้ความสามารถดังกล่าว
                                (๓) วิชาความรู้พื้นฐานในการปฏิบัติราชการ กำหนดคะแนนเต็ม ๕๐ คะแนน
                                ให้ทดสอบความรู้เกี่ยวกับกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งและอำนาจหน้าที่ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล ระเบียบงานสารบรรณ และการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
                                ๗.๒ ภาคความรู้ความสามารถเฉพาะสำหรับตำแหน่ง(ภาค ข) กำหนดคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน
                                ให้ทดสอบความรู้ความสามารถในทางที่จะใช้ในการปฏิบัติงานในหน้าที่โดยเฉพาะตามที่ระบุไว้ในมาตรฐานกำหนดตำแหน่งโดยวิธีการสอบข้อเขียนหรือวิธีสอบปฏิบัติ หรือวิธีอื่นใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธีก็ได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้จะรวมสอบเป็นวิชาเดียวหรืออย่างเดียว หรือแยกสอบเป็นสองวิชาหรือสองอย่าง แต่เมื่อรวมคะแนนทุกแบบทดสอบแล้วต้องได้คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน เมื่อจะทดสอบความรู้ความสามารถในทางใดและโดยวิธีใด ให้ระบุไว้ในประกาศรับสมัครสอบด้วย
                                ๗.๓ ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค) กำหนดคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน
                                ให้ประเมินบุคคลเพื่อพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่จากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงานและพฤติกรรมที่ปรากฏทางอื่นของผู้เข้าสอบและจากการสัมภาษณ์ ทั้งนี้อาจใช้วิธีการอื่นใดเพิ่มเติมอีกก็ได้ เพื่อพิจารราความเหมาะสมในด้านต่างๆ เช่น ความรู้ที่อาจใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานในหน้าที่ ความสามารถ ประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติ จริยธรรมและคุณธรรม การปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงาน รวมทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณไหวพริบ และบุคลิกภาพอย่างอื่น เป็นต้น
                                ทั้งนี้การประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง ให้คณะกรรมการประชุมเพื่อกำหนดช่วงคะแนนสูงสุด ต่ำสุด ให้ชัดเจน กรณีกรรมการคนใดให้คะแนนต่างจากเกณฑ์ที่กำหนดให้ถือว่าเสียไปไม่ต้องนำไปคำนวณกับคะแนนของคณะกรรมการอื่นแต่อย่างใด
                                การดำเนินการทดสอบ ภาค ก ภาค ข และภาค ค อาจดำเนินการทดสอบในคราวเดียว หรือดำเนินการทดสอบภาคหนึ่ง ภาคใดก่อนก็ได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ให้หน่วยดำเนินการสอบแข่งขันประกาศให้ชัดเจนในประกาศรับสมัครสอบด้วย
                ข้อ ๘ วิธีดำเนินการสอบแข่งขัน
                                ให้หน่วยดำเนินการสอบแข่งขันสำรวจตรวจสอบตำแหน่งและอัตราว่างให้ถูกต้องและดำเนินการสอบแข่งขัน ดังนี้
                                ๘.๑ ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันให้ระบุรายละเอียดในเรื่องต่างๆดังนี้
                                (๑) ชื่อตำแหน่งและจำนวนอัตราว่างที่จะบรรจุแต่งตั้ง
                                (๒) คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะของผู้มีสิทธิสมัครสอบสำหรับตำแหน่งนั้น
                                (๓) คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะของผู้มีสิทธิสมัครสอบสำหรับตำแหน่งนั้น
                                (๔)วันเวลา และสถานที่รับสมัครสอบ
                                (๕) เอกสารและหลักฐานที่ใช้ในการสมัครสอบ
                                (๖) หลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขัน เกณฑ์การตัดสิน การขึ้นบัญชี และการยกเลิกบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
                                (๗) เงื่อนไขการบรรจุแต่งตั้ง
                                (๘) เรื่องอื่นๆหรือข้อความอื่นที่ผู้สมัครสอบควรทราบ
                                การประกาศรับสมัครสอบแข่งขันนั้นให้ประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สถานที่รับสมัครสอบก่อนวันที่เริ่มรับสมัครสอบไม่น้อยกว่า ๑๐ วันทำการ และแจ้งให้จังหวัดทุกจังหวัด หรือจะประกาศทางวิทยุกระจายเสียงหรือทางอื่นใดตามความเหมาะสมเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกันก็ได้
                                ๘.๒ ให้หน่วยดำเนินการสอบแข่งขันกำหนดวัน เวลา สถานที่สอบและระเบียบเกี่ยวกับการสอบ วิธีการสอบแข่งขัน และวิธีดำเนินการเกี่ยวกับการสอบแข่งขันนี้ได้เท่าที่จำเป็นและไม่ขัดต่อหลักสูตรแล้วให้ประธานกรรมการประกาศก่อนวันสอบไม่น้อยกว่า ๕ วันทำการ
                                ๘.๓ ให้หน่วยดำเนินการสอบแข่งขันจัดให้มีเจ้าหน้าที่รับสมัครสอบ หรือรับสมัครสอบทางอินเตอร์เน็ท โดยให้มีกำหนดเวลารับสมัครสอบไม่น้อยกว่า ๑๕ วันทำการ
                                ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นต้องขยายเวลาการรับสมัครสอบแข่งขันให้หน่วยดำเนินการสอบแข่งขันเสนอประธานกรรมการเพื่อประกาศขยายเวลาการรับสมัครสอบได้ไม่น้อยกว่า ๕ วันทำการแต่ไม่เกิน ๑๕ วันทำการ นับตั้งแต่วันสุดท้ายของการรับสมัครสอบโดยจะต้องประกาศการขยายเวลานั้นก่อนวันครบกำหนดวันปิดรับสมัครสอบ
                                ๘.๔ ให้หน่วยดำเนินการสอบแข่งขัน ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบก่อนวันสอบไม่น้อยกว่า ๑๐ วันทำการ
                                ๘.๕ การตัดสินว่าผู้ใดเป็นผู้สอบแข่งขันได้ให้ถือเกณฑ์ว่าต้องเป็นผู้สอบได้คะแนนในภาคความรู้ความสามารถทั่วไป(ภาค ก) ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะสำหรับตำแหน่ง (ภาค ข) และภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค) ที่สอบตามหลักสูตรแต่ละภาคไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖๐ โดยต้องนำคะแนนจากการสอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไป(ภาค ก) ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะสำหรับตำแหน่ง(ภาค ข) และภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค) มารวมกัน ทั้งนี้ให้คำนึงถึงหลักวิชาการวัดผลด้วย
                                ๘.๖ ให้ผู้สมัครสอบเสียค่าธรรมเนียมสอบสำหรับตำแหน่งที่สมัครสอบตามอัตรา ดังนี้
                                (๑) ตำแหน่งสายงานที่เริ่มต้นระดับ ๑ หรือตำแหน่งสายงานเริ่มต้นระดับ ๒ ตำแหน่งละไม่เกิน ๑๐๐ บาท
                                (๒) ตำแหน่งสายงานเริ่มต้นระดับ ๓ ขึ้นไป ตำแหน่งละไม่เกิน ๒๐๐ บาท
                                ค่าธรรมเนียมสอบจะไม่จ่ายคืนให้ไม่ว่ากรณีใดๆ เว้นแต่จะเสนอให้ คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล พิจารณายกเว้นเป็นรายกรณีไป
                                 *** ๘.๖ ให้ผู้สมัครสอบเสียค่าะรรมเนียมสอบสำหรับการสมัครสอบตามอัตราที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กำหนดโดยอนุโลม ตามบัญชีอัตราค่าสมัครสอบแข่งขันแนบท้าย
                                       ค่าธรรมเนียมสอบจะไม่จ่ายคืนให้ไม่ว่ากรณีใดๆ เว้นแต่จะเสนอให้ คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล พิจารณายกเว้นเป็นรายกรณีไป
 
                                ๘.๗ เมื่อได้ดำเนินการสอบแข่งขันเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันรายงานผลการสอบแข่งขันต่อหน่วยดำเนินการสอบแข่งขันและประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ต่อไป
                ข้อ ๙ การขึ้นบัญชีผู้สอยแข่งขันได้
                                ๙.๑ การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ให้จัดเรียงลำดับที่จากผู้สอบได้คะแนนสูงลงมาตามลำดับ ในกรณีที่ผู้สอบแข่งขันได้คะแนนรวมเท่ากันให้ผู้สอบแข่งขันได้คะแนนภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง(ภาค ค) มากกว่าเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ถ้าได้คะแนนภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค) เท่ากัน ให้ผู้สอบได้คะแนนภาคความรู้ความสามารถเฉพาะสำหรับตำแหน่ง (ภาค ข) มากกว่าเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ถ้าได้คะแนนภาคความรู้ความสามารถเฉพาะสำหรับตำแหน่ง (ภาค ข) เท่ากัน ให้ผู้ได้คะแนนความรู้พื้นฐานในการปฏิบัติราชการในภาคความรู้ความสามารถทั่วไป(ภาค ก)มากกว่าเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ถ้ายังได้คะแนนเท่ากันอีกให้ผู้ที่สมัครสอบก่อนเป็นผู้ที่อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ทั้งนี้ พิจารณาจากเอกสาร ในการสมัครสอบ
                                ๙.๒ บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ให้ใช้ได้ไม่เกิน ๒ ปี นับแต่วันที่ประกาศขึ้นบัญชี แต่ถ้ามีการสอบแข่งขันอย่างเดียวกันนั้นอีกและได้ขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ใหม่แล้ว บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ครั้งก่อนเป็นอันยกเลิก เว้นแต่จะได้มีการเรียกรายงานตัวเพื่อบรรจุแต่งตั้งหรือได้มีการขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้และได้มีการเรียกรายงานตัวเพื่อบรรจุแต่งตั้งภายในอายุบัญชีที่กำหนดไว้ และต่อมาบัญชีได้ครบระยะเวลาตามที่ระบุ หรือก่อนมีการประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ใหม่ ให้ถือว่าผู้นั้นยังมีสิทธิได้รับการบรรจุแต่งตั้ง แต่ทั้งนี้ผู้นั้นจะต้องไปรายงานตัวต่อองค์กรปกครองท้องถิ่นที่จะบรรจุแต่งตั้งไม่เกิน ๓๐ วัน นับแต่วัดถัดจากวันที่บัญชีผู้สอบแข่งขันได้นั้นมีอายุครบตามที่ประกาศหรือวันที่ประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ใหม่แล้วแต่กรณี
                ข้อ ๑๐ เงื่อนไขการบรรจุแต่งตั้ง
                                ๑๐.๑ การบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้จากบัญชีผู้สอบแข่งขันนี้ ผู้นั้นต้องดำรงตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่บรรจุแต่งตั้งอย่างน้อย ๑ ปีไม่มีข้อยกเว้น จึงจะโอนไปสังกัดหน่วยงานราชการอื่นได้ อนึ่งเมื่อจังหวัดเจ้าของบัญชีได้ส่งบุคคลใดไปเพื่อรับการบรรจุแต่งตั้งแล้วองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีสิทธิปฏิเสธที่จะรับผู้นั้นเข้ารับการบรรจุแต่งตั้ง
                                ๑๐.๒ การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ให้บรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งนั้น หรือตำแหน่งอื่นที่กำหนดคุณวุฒิตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตรงกันกับคุณวุฒิที่ผู้นั้นนำมาสมัครสอบแข่งขัน และเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน ตามที่คณะกรรมการกลางข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่นกำหนดโดยต้องเรียกบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
                                ๑๐.๓ การรับโอนผู้สอบแข่งขันได้ซึ่งเป็นข้าราชการประเภทอื่นให้ระบุว่าจะรับโอนมาบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งในระดับและการศึกษาเงินเดือนตามที่ประกาศไว้ เว้นแต่หน่วยดำเนินการสอบแข่งขัน จะประกาศเป็นการล่วงหน้าว่าจะรับโอนในตำแหน่งและระดับเดิมหรือเทียบเท่าไม่สูงกว่าระดับในระดับควบและอัตราเงินเดือนในขั้นที่ไม่สูงกว่าเดิม
                                ๑๐.๔ การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานเทศบาลหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ให้บรรจุแต่งตั้งจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของเทศบาลหรือคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่นเท่านั้น
                ข้อ ๑๑ การอนุญาตให้ใช้บัญชี
                                ๑๑.๑ กรณีเทศบาลเป็นหน่วยดำเนินการสอบแข่งขัน ให้บรรจุแต่งตั้งได้เฉพะเทศบาลนั้น ไม่อาจอนุญาตให้เทศบาลอื่นใช้บัญชีเพื่อบรรจุแต่งตั้งได้เมื่อบรรจุแต่งตั้งครบตามจำนวนอัตราที่ว่างแล้วหากภายหลังมีอัตราว่างลง อาจแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ที่อยู่ในลำดับถัดไปให้ดำรงตำแหน่งได้ แต่ต้องบรรจุและแต่งตั้งเรียงตามลำดับที่ที่สองแข่งขันได้
                                ๑๑.๒ กรณีคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขันสามารถอนุญาตให้เทศบาลอื่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่ประสงค์จะขอใช้บัญชีสอบแข่งขันดังกล่าวสามารถใช้บัญชีเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สอบแข่งขันได้ หรือตำแหน่งอื่นที่กำหนดคุณวุฒิตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตรงตามคุณวุฒิที่ผู้นั้นนำมาสมัครสอบแข่งขันแต่ต้องเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องและเกื้อกูลกัน ตามที่คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นกำหนดโดยต้องเรียกบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ซึ่งหน่วยงานที่ขอใช้บัญชีจะต้องมีพื้นที่อยู่ในภาค/เขตที่กำหนด ทั้งนี้จะต้องดำเนินการหลังจากที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้ร้องขอให้คณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขันแทนได้รับการบรรจุแต่งตั้งจนครบจำนวนแล้ว
                                ๑๑.๓ การอนุญาตให้ใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งอื่นที่มีระดับเดียวกันหรือระดับสูงกว่ามาบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่มีระดับต่ำกว่าภายใต้เงื่อนไขว่าตำแหน่งที่ขอใช้จากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้นั้นต้องเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกับตำแหน่งที่จะบรรจุแต่งตั้ง และมีคุณวุฒิเทียบได้ไม่ต่ำกว่าคุณวุฒิ ตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตรงกันกับตำแหน่งที่จะบรรจุแต่งตั้งและในขณะบรรจุแต่งตั้งจะต้องไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของเทศบาลหรือบัญชีของศูนย์ภาค/เขตในตำแหน่งนั้น โดยผู้นั้นต้องสมัครใจไปดำรงตำแหน่งที่มีระดับต่ำกว่าด้วย
                                กรณีตำแหน่งที่จะบรรจุแต่งตั้งในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของภาค/เขตไม่มี หรือบรรจุแต่งตั้งครบทั้งบัญชีแล้ว  ก็อาจใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งนั้นหรือตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกันของบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของภาค/เขตอื่นได้ตามที่คณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่นกำหนด
                ข้อ ๑๒ การยกเลิกการขึ้นบัญชีเฉพาะราย
                                ผู้ใดได้รับการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ถ้ามีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ให้เป็นอันยกเลิกบัญชีผู้นั้นในการสอบแข่งขันได้ คือ
                                 (๑) ผู้นั้นได้ขอสละสิทธิรับการบรรจุและแต่งตั้ง เมื่อมีการเรียกรายงานตัวเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง
                                (๒) ผู้นั้นไม่มารายงานตัวเพื่อรับการบรรจุเข้ารับราชการภายในเวลาที่เจ้าของบัญชีผู้สอบแข่งขันได้กำหนด โดยมีหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนแจ้งให้ทราบกำหนดเวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๐ วัน นับแต่วันที่ที่ทำการไปรษณีย์รับลงทะเบียน
                                (๓) ผู้นั้นมีเหตุไม่อาจเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ตามกำหนดเวลาที่จะบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่สอบได้
                                (๔) ผู้นั้นประสงค์จะเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่สอบแข่งขันได้โยการโอนแต่ส่วนราชการที่จะบรรจุไม่รับโอน และได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้วว่าจะไม่รับโอน ผู้นั้นจึงไม่ประสงค์จะรับการบรรจุ
                                (๕) ผู้นั้นได้รับการบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่สอบได้ไปแล้ว  ให้ยกเลิกการขึ้นบัญชีผู้นั้นไว้ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ทุกบัญชีในการสอบครั้งเดียวกัน
                                การยกเลิกการขึ้นบัญชีเฉพาะรายตาม (๓) เนื่องจากไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารเมื่อออกจากทหาร โดยไม่มีความเสียหายปละประสงค์จะเข้ารับราชการในตำแหน่งที่สอบได้และบัญชีนั้นยังไม่ยกเลิก ให้ขึ้นบัญชีผู้นั้นไว้ในบัญชีเดิมเป็นลำดับแรกที่จะบรรจุในครั้งต่อไป
                                การยกเลิกการขึ้นบัญชีเฉพาะรายตาม (๓) ถ้าบัญชีนั้นยังไม่ยกเลิกและเจ้าของบัญชีพิจารณาเห็นว่ามีเหตุจำเป็นอันสมควรจะอนุมัติให้ขึ้นบัญชีผู้นั้นไว้ในบัญชีเดิมในลำดับสุดท้ายเพื่อบรรจุแต่งตั้งต่อไปก็ได้
                ข้อ ๑๓ กรณีการพบการทุจริตในการดำเนินการสอบแข่งขัน
                                กรณีที่มีการตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตหรือส่อไปในทางทุจริต อันอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในระหว่างดำเนินการสอบแข่งขัน ให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการระงับการสอบหรือการประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้และการประกาศยกเลิกบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของพนักงานเทศบาล กรณีผู้ดำเนินการสอบแข่งขันทุจริตหรือส่อว่าทุจริตในการสอบแข่งขัน ฉบับลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๙
                ข้อ ๑๔ การรายงานผลการดำเนินการสอบแข่งขัน
                                เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบให้เกิดความเป็นธรรม  ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
                                ๑๔.๑ กรณีที่เทศบาลเป็นหน่วยดำเนินการสอบแข่งขัน
                                (๑) ให้รายงานการดำเนินการสอบแข่งขันให้สำนักงาน ก.ท.จ.ทราบ โดยส่งสำเนาแต่งตั้งคณะกรรมการ ๑ ชุด และสำเนาประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ๒ ชุด ไปยังคณะกรรมการพนักงานเทศบาลก่อนเริ่มรับสมัครสอบไม่น้อยกว่า ๗ วันทำการ
                                (๒) เมื่อการสอบเสร็จสิ้นให้รายงานต่อคณะกรรมการพนักงานเทศบาลภายใน ๑๕ วันทำการ นับแต่วันประกาศผลการสอบแข่งขันโดยให้ส่งเอกสาร ดังต่อไปนี้
                                ก.บัญชีกรอกคะแนน                                                     ๑ ชุด
                                ข.สำเนาประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้                       ๑ ชุด
                                (๓) หากมีการยกเลิกการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ หรือขึ้นบัญชีเพิ่มเติมให้รายงานคณะกรรมการพนักงานเทศบาล นับแต่วันยกเลิกหรือขึ้นบัญชีนั้น
                                (๔) หากมีการเปลี่ยนแปลงในประกาศรับสมัครสอบ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบ กำหนดวัน เวลาและสถานที่สอบ ประกาศผลสอบและอื่นๆนอกจากที่กำหนดไว้เดิมให้รายงานคณะกรรมการพนักงานเทศบาล ภายใน ๓ วันทำการ นับแต่วันประกาศเปลี่ยนแปลง
                                ๑๔.๒ กรณีคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.)ให้รายงานผลตามข้อ ๑๔.๑ ต่อคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล
                ข้อ ๑๕ การประกาศรับสมัครสอบแข่งขันที่ได้ดำเนินการก่อนประกาศฉบับนี้ใช้บังคับแต่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ให้คงใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ

                                ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่  ๓๑  พฤษภาคม  พ.ศ. ๒๕๕๕   เป็นต้นไป

                                                ประกาศ ณ วันที่  ๓๑  พฤษภาคม  พ.ศ. ๒๕๕๕

                                                                                                ชูชาติ  หาญสวัสดิ์
                                                                                            (นายชูชาติ  หาญสวัสดิ์)
                                                                 รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ  ปฏิบัติราชการแทน
                                                                                     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
                                                                                ประธานกรรมการกลางพนักงานเทศบาล

มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น
*** ข้อ ๘.๖ แก้ไขตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็น พนักงานเทศบาล (ฉบับที่ ๒)

บัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็น พนักงานเทศบาล (ฉบับที่ ๒) 

  อัตรา (บาท)                                                  หลักสูตร
  ๑๐๐ บาท         สำหรับการสอบเฉพาะภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.)

  ๒๐๐ บาท         สำหรับการสอบเฉพาะภาคความรู้ความสามารถเฉพาะสำหรับตำแหน่ง (ภาค ข) และ

                        ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค)

   ๓๐๐ บาท         สำหรับการสอบเฉพาะภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ภาคความรู้ความ    สามารถเฉพาะสำหรับตำแหน่ง (ภาค ข) และภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค)